วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

เศรษฐีเด็กที่รวยเร็วที่สุดในโลก


มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กรวยพันล้านตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ

        อินเทอร์เน็ตเป็นสังคมออนไลน์ที่กว้างใหญ่ที่สุด ในแง่ของสื่อก็เป็นสื่อใหม่(New Media) ที่น่าจับตามอง หลายคนในวงการไอทีมีชื่อเสียงและรวยเละ!สตีฟ จ๊อบส์แห่งแอปเปิล อีริก ชมิดด์ของกูเกิล หรือบิล เกตส์ ก็อยู่ในชื่อระดับตำนาน
แต่หน้าใหม่ใสกิ๊กสุดๆ เวลานี้คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แห่งชุมชนออนไลน์Facebook.com

ด้วยวัยละอ่อนเพียง 24 ปี แถมธุรกิจก็เพิ่งเปิดมาแค่4 ปี แต่กลับไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 13 ของเว็บไซต์ที่มีคนเข้าไปใช้งานมากที่สุดจากการสำรวจหมาดๆ เมื่อต้นปีนี้ ท่ามกลาง 12 อันดับแรกที่เปิดบริการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี ความเนื้อหอมของเฟซบุ๊กทำให้ราคาหุ้นถูกดันขึ้นสู่มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเทียบเท่ามูลค่าตลาดของโรงแรมแมริออต!แม้ตัวเลขจะดูเวอร์ แต่ก็ส่งให้เขาเข้ามาอยู่ในอันดับคนรวยหมายเลข 785 ที่จัดโดยนิตยสาร Forbes และกาหัวกระดาษไว้ด้วยว่าซักเคอร์เบิร์กรวยเร็วที่สุดเท่าที่ฟอร์บส์เคยทำการสำรวจมาในหมู่ผู้ที่สร้างความร่ำรวยด้วยตัวเอง

เฟซบุ๊กต่างจากชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่เป็นชุมชนในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กต้องใช้ชื่อจริงและอีเมลเดียวกันในการลงทะเบียนเท่านั้น และที่เฟซบุ๊กดังมากๆ ก็เพราะความฉลาดและความใจกว้างของซักเคอร์เบิร์กที่เปิดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไปหรือโปรแกรมเมอร์สามารถพัฒนาโปรแกรมเข้ามาใส่ในเฟซบุ๊กได้ เลยกลายเป็นที่ฮอตฮิตติดลมบนแบบฉุดไม่อยู่ด้วยประการฉะนี้


     ตอนนี้ยอดผู้คลิกเข้าไปในเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นไปถึง 90 ล้านคนทั่วโลก 2 ใน 3 เป็นผู้ใช้งานที่อยู่นอกสหรัฐ นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ได้คาดการณ์ไว้ว่า อีกไม่นานเฟซบุ๊กจะมีผู้ใช้งานทะลุถึง 300 ล้านราย และรายได้ก็คงจะวิ่งจากปีละ 150 ล้านดอลลาร์ในตอนนี้เป็นเท่าไหร่ก็ยังคูณตัวเลขไม่ทัน
ซักเคอร์เบิร์กนั้นหัดเป็นโปรแกรมเมอร์ตั้งแต่อยู่ชั้น ป.6 สมัยเรียนไฮสกูล เขากับเพื่อนสร้างโปรแกรมสำหรับเรียนรู้นิสัยการฟังเพลงของผู้ใช้ Winamp และ MP3 และเข้าไปโพสต์ให้ดาวน์โหลดฟรีทางอินเทอร์เน็ตจนกระทั่งไมโครซอฟท์และเอโอแอลถึงกับเรียกตัวไปทำงานด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะเข้าฮาร์วาร์ดมากกว่า


     แม้ทุกวันนี้จะกลายเป็นมหาเศรษฐีโลกและทำธุรกิจกับบริษัทใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ แต่ซีอีโอหนุ่มวัย 24 ปี ก็มักปรากฏตัวในการประชุมใหญ่ในแวดวงไอทีด้วยเสื้อแจ็กเกตกีฬาแขนยาว กางเกงทรงแบ็กกี พร้อมรองเท้าแตะอาดิดาสคู่กายธรรมด๊า ธรรมดา เหมือน มาร์กซักเคอร์เบิร์ก เด็กเมืองดอบส์เฟอร์รีคนเก่า ใช้ชีวิตปกติธรรมดา ไม่ได้พักบ้านหรูหรา แต่เป็นอพาร์ตเมนต์เล็กๆ 1 ห้องนอนที่มีที่นอนปูบนพื้นในซานฟรานซิสโก เพียงแต่เขาเลือกใช้รถยุโรปหรูู Audi A8 ที่มีคนขับรถให้เขานั่งสบายๆ เท่านั้นเอง

                                                  
                                                   บอกแล้วว่าจะรวยหรือจน เราเลือกได้
ที่มา : http://www.whoweeklymagazine.com/people_content_detail.php?t=inter&t1=people&id=52


สื่ออินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน


          หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่ผมอ่านเป็นประจำก็มี ฐานเศรษฐกิจ ประชาชาติ และผู้จัดการรายสัปดาห์ ช่วงหลังมานี้ฐานเศรษฐกิจลดบทความที่เกี่ยวกับไอทีลงไปเยอะมาก คอลัมน์ถูกลดความสำคัญลงไป ซ่อนอยู่ใน Ceo Focus เมื่อหากจัดลำดับปริมาณข่าวไอทีแล้วแย่สุดคงต้องยกให้ฐานเศรษฐกิจ ประชาชาติธุรกิจดีขึ้นมาหน่อย และผู้จัดการรายสัปดาห์ยังคงให้ความสำคัญเรื่องไอทีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
         แม้ว่าฐานเศรษฐกิจจะไม่ได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับละเลย วันนี้ผมเปิดไปเจอการสำรวจ “สื่ออินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน” ของ Initiative คาดว่าน่าจะเป็นบริษัทที่ทำเรื่องการวิจัย น่าสนใจดีครับ แม้ว่าข้อมูลจะน้อยไปหน่อย

จากการสำรวจพบว่า 25% ของคนอายุ 12 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ และจากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในต่างจังหวัดทั้งหมดมี 20% นั้นใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน และจากการที่มีผู้คนหันมาใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้นทำให้สื่ออินเตอร์เน็ตมีการเจริญเติบโตถึง 15% ในช่วงปี 2549-2552 ในขณะที่สื่ออื่นๆมีอัตราการเติบโตลดลง


เมื่อดูในกรุงเทพ พบว่าวัยรุ่นมีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นมากสุด โดยเพิ่งถึง 31% ซึ่งอาจจะมีผลมาจากราคาอินเตอร์เน็ตถูกลง การเชื่อมต่อสมร์ทโฟน โดยเมื่อเข้าไปดูรายละเอียดของกิจกรรมที่ทำบนอินเตอร์เน็ตนั้นพบว่า ส่วนใหญ่ใช้งานอีเมลล์แชตและเล่นเกมส์เป็นหลัก ที่มีข้อสังเกตว่า การหาข้อมูลรีวิวสินค้ามีอัตราการเติบโตสูงถึง 186%


ในขณะที่วัยเริ่มทำงานใช้อ่านอีเมลล์ อ่านข่าว แชต ซึ่งแชตหรือการพูดคุยสื่อสารผ่านเน็ตในวัยทำงานนั้นมีเพิ่มขึ้นถึง 176% และกิจกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อมาคือ การหาข้อมูลของสินค้าและบริษัท 56% และสำหรับคนวัย 40 ขึ้นไป ใช้อ่านอีเมลล์ อ่านข่าว ดาวน์โหลด (ซึ่งอันนี้เพิ่งขึ้นถึง 55%)  และการแชตหรือพูดคุยสื่อสารเพิ่มขึ้นถึง 160%

ที่มา : http://www.bellja.com/25

เทคโนโลยี 3G

เทคโนโลยี 3G คืออะไร
3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น


ลักษณะการทำงานของ 3G
เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ 



เทคโนโลยี 3G น่าสนใจอย่างไร
จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว 



Always On”
คุณสมบัติหลักของ 3G คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย



อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G
สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ 

สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC 


ที่มา: http://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=126459

เทคโนโลยี wifi

             เทคโนโลยี Wi-Fi หรือ 802.11 จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ และสามารถแชร์การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านทาง แอ็กเซสพอยนด์ (Access Point) ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยสายเคเบิ้ลซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ Wi-Fi หรือ 802.11 อยู่ด้วยกัน 3 ชนิด

           1. 802.11a มาตราฐานนี้จะมีความเร็ว และความเสถียรภาพของการเชื่อมต่อสูง แต่ไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกับ 802.11b ได้ สำหรับ 802.11a นี้ สามารถที่จะส่งถ่ายข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงถึง 54 Mbps และทำงานที่ความถี่ 5 GHz

           2. 802.11b มาตราฐานนี้จะนิยมใช้ตามสนามบินใหญ่ๆ หรือบริการในร้านอิเตอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งจะทำงานที่ความถี่ 2.4 GHz (เป็นความถี่เดียวกับมือถือ และไมโครเวฟ ซึ่งไม่มีอันตราย) และสามารถที่จะส่งถ่ายข้อมูลได้ที่ความเร็วถึง 11 Mbps

           3. 802.11g มาตราฐานนี้ทำงานได้ที่ความถี่ 2.4 GHz และสามารถเข้ากับมาตราฐาน 802.11b แต่มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 54 Mbps    ดังนั้นถ้าคุณต้องการความแน่นอน และความเร็วในการเชื่อต่อรวมถึงการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ให้คุณเลือกใช้มาตราฐาน 802.11a
แต่ถ้าคุณต้องการแค่ความสามารถในการเชื่อมต่อและแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ก็ให้เลือกใช้ มาตราฐาน 802.11g ก็เพียงพอ



ที่มา: http://tawadanarak.blogspot.com/2010/09/wifi.html

อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย


                ประเทศไทยได้เริ่มมีการติดต่อเชื่อมโยงเข้าสู่อินเตอร์เน็ตในพ.ศ. 2535 โดยเริ่มที่สำนัก วิทยบริการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 9600 บิตต่อวินาทีจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ต่อมาใน พ.ศ. 2536 เนคเทคได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 64 กิโลบิตต่อวินาที ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายข้อมูล ทำให้ประเทศไทยมีวงจรสื่อสารระหว่างประเทศ 2 วงจร หน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมเชื่อมโยงเครือข่ายในระยะแรกๆ ได้แก่สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ และต่อมาได้ขยายไปยังหน่วยงานราชการอื่นๆ
                สำหรับภาคเอกชน ได้มีการก่อตั้งบริษัทสำหรับให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่เอกชนและบุคคลทั่วไปที่นิยมเรียกกันว่า ISP (Internet Service Providers) หลายราย เช่น ศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตแห่งประเทศไทย (Internet Thailand) บริษัทเคเอสซีคอมเมอร์เชียลอินเตอร์เน็ตจำกัด (Internet KSC) บริษัทล็อกซเลย์อินฟอร์เมชันจำกัด (Loxinfo) เป็นต้น โดยในการพิจารณาเลือกใช้บริการจาก ISP เอกชนเหล่านี้ สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ
                1.  อัตราค่าใช้จ่ายโดยรวม ทั้งค่าสมัครเป็นสมาชิกและค่าใช้จ่ายเป็นรายครั้ง รายเดือน หรือรายปี
                2.  คำนวนคู่สายโทรศัพท์ ว่ามีให้ใช้ติดต่อมากเพียงพอหรือไม่ เพราะถ้ามีไม่มากก็จะเสียเวลารอคอยนานกว่าจะเชื่อมต่อได้
                3.  ความเร็วของสายที่ใช้
                4.  พื้นที่ในการให้บริการ ควรเลือกใช้ ISP ที่อยู่ในจังหวัด หรือพื้นที่ใกล้เคียงจะเหมาะสมกว่า เพราะ ISP ส่วนใหญ่มักให้บริการในเขตกรุงเทพมหานคร

E-mail Address , URL, HTML คืออะไร


E-mail Address คืออะไร

เป็นที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือที่อยู่อีเมลล์ เพื่อให้ผู้ใช้งานในอินเตอร์เน็ตสามารถรับส่งจดหมายผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้
รูปแบบมีดังต่อไปนี้
ชื่อผู้ใช้@ชื่อโฮสต์.ชื่อเครือข่ายท้องถิ่น[.ชื่อโดเมนย่อย.].ชื่อโดเมนระดับบน
ตัวอย่างเช่น potjaluck@yahoo.com
ตัวอย่างโปรแกรม E-mail ที่มีบริการอยู่ในอินเตอร์เน็ต
Microsoft Outlook
Netscape Mail 
หรือ Netscape Messenger
Eudora
Yahoo
Hot mail 
ฯลฯ

URL (Uniform Resource Locator) คืออะไร
เป็นที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้บริการจะเข้าไปเรียกดูข้อมูล ชื่อโดเมนยังสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของ URL ได้รูปแบบมีดังต่อไปนี้
โปรโตคอล://ชื่อโดเมน/ชื่อไดเรกทอรี่ที่เก็บไฟล์ในโฮสต์/ชื่อไฟล์ในโฮสต์
ตัวอย่างของโปรโตคอลที่เรียกใช้บริการได้ เช่น http:// หรือ ftp:// เป็นต้น

HTML(HyperText Markup Language) คืออะไร
เว็บเพจจะถูกสร้างขึ้นมาจากภาษา HTML HTML เป็นภาษาสำหรับทำเครื่องหมายอันประกอบด้วยคำสั่งที่เรียกว่า “Tags” ที่เป็นตัวกำหนดว่าเว็บเพจจะมีข้อความอะไร มีการแสดงรูปภาพ เสียง และวีดีโอที่ตำแหน่งใด หรือมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่นอีกหรือไม่ เป็นต้น

วิธีการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต



วิธีการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต

           การเชื่อมโยงโดยตรงด้วยเกตเวย์เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เข้ากับ Backbone ของอินเตอร์เน็ต โดยผ่าน เกตเวย์(Gateway) หรือ IP Routerสายสื่อสารความเร็วสูงมาก มักใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก การเชื่อมโยงต่อผ่าน Internet Service Providers(ISP)
เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าสู่อินเตอร์เน็ต โดยผ่านบริษัทผู้ให้บริการจัดสรรการเชื่อมโยง

โปรโตคอล(Protocol) คืออะไร
              เป็นกลุ่มของกฏหรือกติกาที่มีการบัญญัติขึ้นสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างตัวส่งและตัวรับ เพื่อให้ตัวส่งและตัวรับใช้กติกานี้ ร่วมกัน ทำให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างถูกต้องและมีระเบียบ
ตัวอย่างของโปรโตคอล         
              TCP/IP(Transmission Control Protocol/Internet Protocol)        
              FTP(File Transfer Protocol)       
              HTTP(Hyptertext Trasfer Protocol)

ประวัติและความเป็นมา


ความเป็นมา
              อินเตอร์เน็ตเกิดจากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมอเมริกัน (DOD หรือ US Department Of Defense) และองค์การป้องกันประเทศอเมริกา(ARPA หรือArmed-Forces Research Project Agency) ก่อตั้งโครงการ ARPANET เพื่อทดลองระบบเครือข่ายของหน่วยงานทางทหาร เป็นการกระจายการเก็บข้อมูลข่าวสารจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เพื่อป้องกันการทำลายข้อมูลจากข้าศึกมีการเชื่อมโยงศูนย์คอมพิวเตอร์จากที่ต่างๆเข้าด้วยกัน ให้สามารถทำงานแทนกันได้

อินเตอร์เน็ต (Internet)

          เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Network Computer System) ที่ใหญ่ที่สุดเกิดจากการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมากมายในโลกเข้าด้วยกัน เช่นเครือข่ายแลน เครือข่ายของเครื่องมินิหรือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์แต่ละเครือข่ายจะต้องมีเครื่องแม่ข่าย(Server) ที่เรียกว่า โฮสต์(Host) คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารกับผู้ใช้บริการ

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา 
          - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ 
          - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ 
          - นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น 

ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ 
          - ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 
          - สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
          - ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น 

ด้านการบันเทิง 
          - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป 
          - สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ 
          - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้
 จากเหตุผลดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า อินเทอร์เน็ต มีความสำคัญ ในรูปแบบ ดังนี้ 
       
          1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้ 
          2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้ 
          3. การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง 
          4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้ 
          5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน 
          6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม 
          7. การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต 
          8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
          โดยสรุปอินเทอร์เน็ต ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร